Cover omo
09 Jul 2019 15:00

ไปร่วม Bright & Shine กับบรรยากาศภายในงาน OMO Bright Future Academy 2019

เข้าสู่ปีที่ 4 ที่ทาง OMO ได้จัดแคมเปญดี ๆ อย่าง ‘OMO Bright Future Academy 2019’ ให้ประชาชนได้เข้าร่วมฟังสัมมนากันแบบฟรีตลอดงาน โดยปีนี้ทางโอโม่ได้จับมือกับเว็บไซต์งานชั้นนำอย่าง JobsDB และสถาบันพัฒนาบุคลิกภาพ John Robert Power ที่ขนลานกิจกรรมดี ๆ มาไว้ ณ โรงภาพยนตร์สกาล่า ให้ผู้ที่ลงทะเบียนได้เตรียมความพร้อมสำหรับการสมัครงานอย่างสดใส โดดเด่น และเตะตากรรมการ ก่อนจะเปิดให้เข้าฟังการบรรยายพร้อมกันช่วงเวลาบ่าย 2 โมงตรง







ทริคเด็ดๆและเคล็ดไม่ลับในการเตรียมพร้อมสัมภาษณ์งานยังไงให้เข้าตากรรมการ กับครู “พี่ลูกกอล์ฟ” คณาธิป สุนทรรักษ์ 

เปิดงานด้วยแบรนด์แอมบาสเดอร์ที่พกความมั่นใจมาอย่างเต็มเปี่ยม “ลูกกอล์ฟ” คณาธิป สุนทรรักษ์ ติวเตอร์ภาษาอังกฤษชื่อดังจากสถาบันแองกริซ ซึ่งได้มอบคำศัพท์ 3 คำให้เราได้ทำความเข้าใจได้แก่ Extrovert , Introvert และ Ambivert 
Extrovert  คือคนมีความมั่นใจ ช่างพูดช่างเจรจา มนุษย์สัมพันธ์ดี เข้าได้กับทุกคน ดูน่าคบหา และชอบการอยู่ท่ามกลางคนหมู่มากเพื่อสร้างความสนุกสนานให้แก่คนที่อยู่ใกล้ ๆ  
Introvert  คือคนที่ตรงข้ามกับ Extrovert โดยสิ้นเชิง มีโลกส่วนตัวค่อนข้างสูง มีความสุขกับการอยู่คนเดียว ชอบคิดอะไรเรื่อยเปื่อยคนเดียว เป็นพวกคิดก่อนพูด และในขณะเดียวกันก็พูดน้อย ชอบทำงานเบื้องหลังมากกว่าการแสดงออกแบบโต้ง ๆ 
และคำสุดท้าย Ambivert เป็นคำที่เพิ่งเกิดขึ้นใหม่เมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งหมายถึงคนที่อยู่ตรงกลางระหว่างสองขั้ว เป็นคนชอบที่จะอยู่กับผู้คนและในขณะเดียวกันก็ชอบที่จะอยู่กับตัวเอง

ครูพี่ลูกกอล์ฟต้องการให้คุณหาว่าตัวเองเป็นคนแบบไหน เพื่อให้หางานที่เหมาะกับอุปนิสัยลึก ๆ ของตัวเอง และทำมันได้อย่างเต็มที่ หากคุณคือคนประเภท Introvert ก็ควรหลีกเลี่ยงงานประเภทที่ต้องค้าขาย หรืองานที่ต้องใช้การพูดเยอะ ๆ เพราะคุณจะไม่สามารถทำงานได้อย่างมีความสุข





และนอกจากนี้ยังได้เชิญแขกคนพิเศษคุณ ‘โรเบิร์ต แคนเดลิโน’ CEO คนล่าสุดของ Unilever มาเล่าถึงประสบการณ์การสมัครงานครั้งแรกให้ฟังกันอีกด้วย

ความสำเร็จเป็นของคุณ ไม่ใช่ของคนอื่น ไม่ว่าจะอาชีพอะไร ทำให้มันดีที่สุด’ คุณโรเบิร์ตกล่าว ‘จุดเริ่มต้นของผมไม่ได้สวยหรู ผมไม่ได้เกิดมารวย ไม่ได้เรียนในโรงเรียนชั้นนำ ตอนอยู่มหาลัยต้องเรียนไปทำงานไป แถมเกรดก็ไม่ดีอะไร ประสบการณ์ในตำแหน่งงานก็ว่างเปล่า’

‘แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือผมมีพลังและความทะเยอทะยาน ผมจึงหาบริษัทที่จะให้โอกาสให้ผมได้ทำงานโดยใช้พลังที่มีนี้ และเมื่อได้รับโอกาสนั้น ผมก็เต็มใจที่จะขวนขวายหาความรู้ที่ผมยังไม่มี เพราะเชื่อว่า เมื่อใดก็ตามที่เราหยุดเรียนรู้ สิ่งนั้นแหละจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราตายเข้าจริง ๆ ’  และนี่ก็คือเรื่องราวคร่าว ๆ และข้อคิดดี ๆ จาก  CEO สุดหล่อของ Unilever ที่เราอยากนำมาให้ทุกคนได้อ่านเพื่อเป็นกำลังใจให้ตัวเองกันค่ะ

การเตรียมความพร้อมก่อนสัมภาษณ์งานและการเตรียมเรซูเม่ให้ปังกว่าใคร จัดเต็มแบบไม่มีกั๊ก กับ JobsDB 


ก่อนจะเข้าไปสู่การทำงาน เราทุกคนจะมี journey ที่ต้องผ่านก่อนนั่นคือ การสมัครงาน และ เรซูเม่ ก็เปรียบเหมือนประตูแรกที่ทุกคนต้องผ่าน ปีที่ผ่านมามีคนยื่นใบสมัครเข้ามาในเว็บไซต์ JobsDB 11 ล้านใบสมัคร มีตำแหน่งงานรองรับเพียง 3 แสนตำแหน่ง หากนำ 3 แสนไปหาร 11 ล้าน ในตำแหน่ง ๆ หนึ่งจะมีการแข่งขันสูงถึง 40 คน ยิ่งถ้าเป็นบริษัทใหญ่ ๆ ความเป็นไปได้ที่จะพุ่งถึงหลักร้อยเลยก็มี 

ภาพรวมตลาดแรงงานไทยตอนนี้ แต่ละปีจะมีเด็กจบใหม่กว่า 4 แสนคน และหลายคนก็ยังไม่ได้งานเพราะอาจจะมี mindset บางอย่างแบบผิด ๆ  เช่น 
1.การเรียกเงินเดือนสูงไป ซึ่งการจะเรียกเงินเดือนคุณอาจจะต้องทำการบ้านว่าคุณสามารถเรียกได้เท่าไหร่เพื่อให้ตรงกับความสามารถที่มีและคุ้มค่ากับที่บริษัทจะจ้างคุณหรือไม่
2.การเลือกงานเลือกองค์กร ซึ่งอ้างอิงจากพี่ครูลูกกอล์ฟได้ว่าหาให้เจอว่าคุณคือคนแบบไหน เพื่อให้หางานได้เหมาะกับบุคลิกหรืออุปนิสัย
3.ทัศนคติของคุณ จะเป็นสิ่งที่ HR ดูว่าคุณเหมาะกับองค์กรหรือเปล่า เช่น คุณทำงานกับเพื่อนร่วมงานได้หรือไม่ หากเป็นเด็กจบใหม่อาจจะดูว่าเคยทำกิจกรรมของทางมหาวิทยาลัยมาก่อนไหม


และสำคัญสุดคือการยื่นเรซูเม่ ยิ่งความเชื่ออย่างการทำเรซูเม่ให้ออกมาหรูหราฟู่ฟ่า ใส่ความอาร์ตและแปลกลงไปอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ HR ต้องการ การจะให้เรซูเม่สะดุดตาภายในระยะเวลาสั้น ๆ คุณควรใส่สิ่งที่เป็นประโยชน์กับตำแหน่งงานใส่ลงไปจะดีกว่า เช่น อบรมต่างนอกเหนือจากสิ่งที่เรียน , การมีส่วนร่วมกับผู้อื่น , skills ต่าง ๆ และถ้าเคยฝึกงานมาก่อน ควรเขียนให้ละเอียดว่าเคยฝึกในตำแหน่งไหน ทำอะไรมาบ้าง อย่าใส่แค่ทำที่ไหนทำกี่ปี หากมีจุดหมายในอาชีพแบบไหนก็ควรใส่ข้อมูลเหล่านี้ไปให้เต็ม จะได้ไม่ต้องนึกเสียดายทีหลังนะคะ


เทคนิคการพัฒนาบุคลิกภาพ การแต่งกาย และอัพความมั่นใจกับ สถาบัน John Robert Powers 

เมื่อผ่านการยื่นเรซูเม่แล้ว ด่านต่อมาคือการเรียกสัมภาษณ์งาน ซึ่งขั้นตอนนี้คุณก็ต้องมานั่งคิดอีกว่าทำยังไงให้บุคลิกของคุณเข้าตากรรมการ สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องรู้ก่อนว่าองค์กรคาดหวังจะได้คนแบบไหนเข้าไปทำงาน ยิ่งในช่วงเวลาที่สัมภาษณ์คุณอาจจะต้องมีความอดทนเพื่อทำในสิ่งที่ไม่เป็นตัวเองเล็กน้อยแต่หากผ่านการพิจารณามันก็คุ้มค่าที่จะแลก 

สิ่งสำคัญที่สุดคืออย่าทำให้ HR รู้สึกว่าเราไม่ตรงกับเรซูเม่ โดยเริ่มพิจารณาจาก 3 สิ่งต่อไปนี้
1. IMAGE คุณอยากจะให้เขารู้จักคุณแบบไหน ตั้งแต่ทรงผม การแต่งกายที่เหมาะสม  สำเนียงการพูดคุย การไหว้ รอยยิ้ม
2. POSTURE ดูว่าตำแหน่งที่คุณสมัครคือตำแหน่งอะไร  และในตำแหน่งนั้นเขาคาดหวังทัศนคติแบบไหน ซึ่งสามารถดูได้ง่ายสุดตอนที่คุณตอบคำถาม และลักษณะท่าทางตั้งแต่การเดิน การยืน การนั่ง ว่าแสดงท่าทางแบบไหนออกมา
3. BEHAVIOR พฤติกรรมในระหว่างที่กำลังรอสัมภาษณ์ อาจจะเป็นสิ่งที่หลาย ๆ คนนึกไม่ถึง แต่ส่วนนี้ก็สามารถเป็นคะแนนที่จะมาบวกลบได้เช่นกัน
นอกจากคิดว่าเราต้องสร้างความประทับใจแรกให้คนที่เห็นแล้ว ภาพจำที่ดี ก็จะทำให้โดนใจกรรมการด้วยเช่นกัน อย่างน้อยไม่ว่าคุณจะได้งานหรือไม่ได้งาน คุณก็สามารถสบายใจได้ว่าวันนั้นคุณทำดีที่สุดแล้ว 

หากยังไม่เต็มอิ่มล่ะก็รอติดตามคลิปวิดิโอย้อนหลังได้ที่เพจ OMO Thailand หรือ OMO Bright Future Academy ทางยูทูปได้เช่นกันค่ะ

Omo Bright Future Academy 2019, Omo Bright and Shine Workshop, Workshop, Omo Thailand